2. คาถาปลุกพระ อยากรู้อภินิหาร
เขียนโดย Tawatchai1889   
จันทร์, 14 พฤษภาคม 2007

คาถาปลุกพระ หยากรู้ อะภินิหาร

เรียบเรียงโดย : tongn005

หลายๆท่านที่เเขวนพระหรือเครื่องรางต่างๆ ก็อาศัยจากคำบอกเล่ากันต่อๆมาถึงสรรพคุณของพระเครื่องของหลายๆหลวงพ่อว่า ท่านใด เด่นทางไหน เป็นต้น
เเต่ถ้าบางท่านที่เคยฝึกสมาธิก็อาจใช้วิธีสัมผัสโดยใช้พลังจิต หรืออาจใช้การปลุกพระเป็นต้น

สมัยก่อนผมเคยรู้จักบางท่าน เขาจับพลังพระโดยกำพระเเล้วเเนบไว้ที่หู เพื่อฟังกระเเสพุทธคุณ เเกบอกถ้า พระดีทางคง มหาอุตม์ ก็จะมีกระเเสเเรง บางครั้งเเรงมากจนทำให้ปวดหู ถ้าพระเมตตาจะมีกระเเสคลื่นเบาๆ ไม่รู้เเกหลอกผมหรือเปล่า ตอนนั้นเราก็ยังเด็กๆอยู่ ไปเอาพระมาให้เเกจับพลังอยู่เป็นประจำ

เกี่ยวกับพระเครื่องหลวงพ่อกวย เท่าที่เคยพบเห็นมามีรูปเเบบเเปลกๆ มากมายหลายอย่าง มีรายนึง ขนาดว่า พระเเกเเท้ เอาของคนอื่นมาดู เเกบอกว่าเก๊ เเถมมีการจะถ่ายทอดพลังพุทธคุณจากพระของเเกไปสู่พระที่ว่าเก๊อีกด้วย คนเราก็มีเเบบหลากหลายนะครับ

จากข้อมูลที่ผมไปได้มาจากศิษย์หลวงพ่อกวย ปัจจุบันมีพระเกจิอยู่สองรูปที่สามารถสัมผัสพลังพุทธคุณพระเครื่องของหลวงพ่อกวยได้ ท่านคือ อาจารย์ตี๋ วัดเขาเขียว เดิมบาง อีกท่านคือ หลวงพ่อจรูญ วัดโพธิ์เฉลิมอาสน์ ราชบุรี มีคนเคยลองมาเเล้ว ทั้งพระเเท้เเละเก๊ ปรากฎว่า ท่านสามารถบอกได้อย่างถูกต้อง หรือเเม้เเต่บางครั้ง ยังไม่ทันถอดพระออกจากคอ ท่านก็บอกก่อนว่า คล้องพระของหลวงพ่อกวยมาใช่ไหม

อาจารย์ตี๋ ไม่ทราบตอนนี้ท่านออกจากวัดเขาเขียวเเละไปจำพรรษาอยู่ที่ไหนไม่ทราบ ส่วนหลวงพ่อจรูญท่านยังอยู่ที่วัดครับ

เพื่อเป็นการอนุรักษ์วิชาเก่าๆที่หลวงพ่อกวยท่านได้บันทึกไว้ กระทู้นี้ของลงคาถาปลุกพระที่หลวงพ่อท่านได้เขียนไว้
ท่านที่จะเอาไปใช้ ก่อนใช้ ควรจุดธูปเทียน บอกกล่าวหลวงพ่อท่านเพื่อเป็นการขออนุญาตเเละขอเรียน จะดี
ของเเบบนี้ อยู่ที่ใจเเละศรัทธาบวกกับจิตที่เป็นสมาธินะครับ
ถ้ามีสมาธิสูงก็ดีนะครับ อยากเอาไปจับพระหลายๆหลวงพ่อดู ว่าดีทางไหนบ้าง ของเเบบนี้ ไม่ควรมองข้าม เพราะถ้าไม่ดีจริง ครูบาอาจารย์ท่านคงไม่มีการเรียนหรือบัมทึกไว้สืบทอดกันต่อๆมา

คนโบราณท่านมักใช้คาถาได้ผลเพราะ จิตท่านบริสุทธิ์กว่าคนสมัยนี้มาก นอกจากนี้คนรุ่นเก่าๆยังมีความเชื่อมั่น จิตใจไม่วอกเเวก เขาบอกบางทีคนรู้มาก ก็จะเรื่องมากตาม เเละทำให้เกิดความลังเล ความเชื่อมั่นจึงลดน้อยลง สมาธิก็น้อยลงตาม จึงทำให้ใช้ไม่ได้ผล

สุดท้ายนี้ ใครอยากรู้ก็ต้องลองเองครับ มันเป็น ปัจจัตตัง รู้ได้เฉพาะตนครับ

แก้ไขล่าสุดเมื่อ ( พุธ, 09 เมษายน 2008 )
< ก่อนหน้า   ถัดไป >